21_1

วันอาทิตย์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ความเชื่อของการเลี้ยงปลาทอง

ความเชื่อของการเลี้ยงปลาทอง


การเลี้ยงปลาตามฮวงจุ้ย

                ในสมัยก่อนที่ประเทศจีนคนที่จะเลี้ยงปลาทองได้จะต้องเป็นเชื้อพระวงศ์,ขุนนาง,พ่อค้าหรือเศรษฐีเพราะปลาทองสมัยนั้นมีราคาแพงซึ่งคนธรรมดาไม่สามารถหามาเลี้ยงได้และการเลี้ยงปลาทองนั้นสามารถบ่งบอกถึงฐานะว่าเป็นอย่างไร

                ซึ่งเชื่อกันว่าถ้าบ้านเรือนใดเลี้ยงปลาทองอยู่ในบ้านจะเปรียบเสมือนมีทองอยู่ในบ้านและจะนำความร่มเย็น,โชคลาภ,อำนาจและบารมีให้แก่ผู้ที่เลี้ยง

                โดยดังจะกล่าวได้ว่าน้ำคือความร่มเย็นเป็นสุขและการไหลเวียนของน้ำคือการทำให้การค้าราบรื่นสุดท้ายคือปลาทองจะนำความมั่งคั่งมาสู่คนเลี้ยง สรุปได้ว่าผู้ใดเลี้ยงปลาทองไว้ในบ้านจะนำความร่มเย็นเป็นสุขทำมาค้าขายขึ้นเงินทองไหลมาเทมา

ในที่นี้จะกล่าวถึงการเลี้ยงปลาทองเพื่อเสริมบารมีตามหลักฮวงจุ้ย ดังต่อไปนี้

การเลี้ยงปลาทองเสริมบารมีจะมีปัจจัยอยู่ 4 ข้อ

1. ลักษณะของตู้ปลา
2.จำนวนปลาที่เลี้ยง
3.สีของปลาที่เลี้ยง  
4.ลักษณะของปลาที่เลี้ยง

1. ลักษณะของตู้ปลา

ตู้ปลาลักษณะกลม สังกัดธาตุน้ำ ช่วยเลริมพลังของน้ำ ถือว่าเป็นมงคล 
ตู้ปลาลักษณะสี่เหลี่ยมยาว สังกัดธาตุไม้ น้ำให้กำเนิดไม้ช่วยให้ไม้เจริญถือได้ว่าเป็นมงคล 
ตู้ปลาลักษณะสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ สังกัดธาตุดิน ดินข่มน้ำ จึงไม่ควรใช้ 
ตู้ปลารูปหกเหลี่ยม เลขหกเป็นธาตุน้ำ แต่มีหลายเหลี่ยมถือว่าสังกัดธาตุไฟ จึงไม่ควรใช้เพื่อนำโชค 
ตู้ปลารูปสามเหลี่ยมหรือแปดเหลี่ยม สังกัดธาตุไฟ จึงไม่ควรใช้

2. จำนวนปลาที่เลี้ยง

คนส่วนมากเข้าใจกันว่าเลี้ยงปลาทองควรจะเลี้ยงเป็นเลขคี่จึงจะเป็นมงคล เช่น หนึ่ง,สาม,ห้า,เจ็ด,เก้า เป็นต้น ถ้าเป็นคู่จะไม่เป็นมงคล เช่น สอง,สี่,หก,แปด,สิบ เป็นต้น ในทางฮวงจุ้ยจะต้องนำจำนวนปลามาเทียบกับแผนภูมิลั่วซูหรือเหอถู จะช่วยให้ได้ผลที่แน่นอน.ตัวเลขจำนวนปลาทองเมื่อเทียบกับแผนภูมิลั่วซู
หนึ่งตัว เลขหนึ่งสีขาวดาวทันหลัง เป็นดาวมงคลช่วยนำโชค
สองตัว เลขสองสีดำดาวจวี้เหมิน เป็นดาวอัปมงคล ทำลายโชค
สามตัว เลขสามสีเขียวมรกตดาวลู่ฉุน เป็นดาวอัปมงคลทำลายโชค
สี่ตัว เลขสี่สีเขียวขี้ม้าดาวเหวินฉวี่ เป็นดาวมงคลช่วยนำโชค
ห้าตัว เลขห้าสีเหลืองดาวเหลียนเจิน เป็นดาวอัปมงคลทำลายโชค
หกตัว เลขหกสีขาวดาวอู๋ฉวี่ เป็นดาวมงคล ช่วยนำโชค
เจ็ดตัว เลขเจ็ดสีแดงดาวพ่อจวิน เป็นดาวอัปมงคล ทำลายโชค
แปดตัว เลขแปดสีขาวดาวจั๋วฝู่ เป็นดาวมงคล ช่วยนำโชค
เก้าตัว เลขเก้าสีครามดาวอิ้วปี้ เป็นดาวมงคล ช่วยนำโชค
ส่วนสิบตัวนั้นจะนับเป็นหนึ่งตัว สิบเอ็ดตัวจะนับเป็นสองตัว ไปเรื่อยๆตามหลักข้างต้น.

จำนวนตัวตามแผนภูมิเหอถู

หนึ่งตัว สังกัดธาตุน้ำ เพิ่มพลังน้ำ น้ำคือปราณนำโชค ถือว่ามงคล
สองตัว สังกัดธาตุไฟ ทำให้พลังน้ำอ่อน ถือว่าธรรมดา
สามตัว สังกัดธาตุไม้ ทำให้พลังน้ำอ่อนถือว่าไม่ดี
สี่ตัว สังกัดธาตุทอง ช่วยเพิ่มพลังน้ำถือว่าเจริญเป็นมงคล
ห้าตัว สังกัดธาตุดินจะข่มพลังน้ำ ถือว่าไม่เป็นมงคล
หกตัว สังกัดธาตุน้ำ เพิ่มพลังน้ำ ถือว่าเป็นมงคล
เจ็ดตัว สังกัดธาตุไฟ บั่นทองพลังน้ำ น้ำสูญเสียพลังถือว่าธรรมดา
แปดตัว สังกัดธาตุไม้ พลังน้ำถูกถ่ายเท ถือว่าไม่เป็นมงคล
เก้าตัว สังกัดธาตุทอง เพิ่มพลังให้กำเนิดน้ำ ถือว่าเป็นมงคล
สิบตัว สังกัดธาตุดิน ข่มพลังน้ำ ถือว่าไม่เป็นมงคล

เมื่อเทียบทั้งสองแผนภูมิแล้ว เราจะเห็นได้ว่าตัวเลขที่เป็นมงคลจริงๆก็คือ หนึ่งตัว, สี่ตัว, หกตัวและเก้าตัว ท่านที่ต้องการเลี้ยงปลาทองนำโชคจำต้องสนใจให้มากๆ.

3. สีของปลา
สีทองหรือสีขาว สังกัดธาตุทอง ทองให้กำเนิดน้ำ จึงนำโชคได้
สีดำ สังกัดธาตุน้ำ น้ำเสริมน้ำจึงนำโชคได้
สีแดงหรือสีส้ม สังกัดธาตุไฟ ไฟทอนพลังน้ำ นำโชคได้น้อย
สีเหลือง สังกัดธาตุดิน ดินข่มน้ำ นำโชคได้น้อยมาก

4. ลักษณะของปลาที่เลี้ยง
เรามาดูกันดีกว่า ว่า ปลาทอง ที่สวยงาม สง่า ถูกต้อง ตามลักษณะของ สายพันธุ์ นั้นๆ เป็นอย่างไร
ฮอลันดา (Oranda)

                ลักษณะตามสายพันธุ์ จะแยกอยู่ 2 ประเภท คือ ฮอลันดายักษ์ และ ฮอลันดาปักกิ่ง ในที่นี้จะกล่าวถึงฮอลันดาปักกิ่ง ที่เหมาะสำหรับเลี้ยงในตู้ปลา กล่าวคือ จะต้องเป็นปลาที่ได้สมดุลย์ โดยดูจากกระโดงปลาจะต้องตั้งและฐานกระโดงปลาจะต้องแน่น ลำตัวจะต้องกลมได้สัดส่วน จากบนลงล่าง หางไม่ยาวจนเกินไป และหัวจะต้องใหญ่ โดยมีวุ้นปกคลุมในตำแหน่งที่ถูกต้อง ไม่เลอะ คือ วุ้นหน้าผากและวุ้นใต้ดวงตา
ริวกิ้น (Fantail)

                ลักษณะที่ดีโดยสังเกตได้จากด้านบน กระโดงต้องตั้งและฐานใต้กระโดง หรือเรียกกันว่า โหนกจะต้องสูงได้ขนาด มีกล้ามเนื้อที่แน่นรอบๆ โหนกนั้น หน้าจะต้องเล็กเรียวแหลม หางจะต้องไม่ยาวเกินไป แกนหางจะต้องแข็ง และมีเกล็ดปกคลุม รอบโคนหางด้านบน ใบหางจะต้องไม่บาง และที่สำคัญยืนน้ำ ต้องไม่หัวทิ่ม  
สิงห์ดำตามิด (Siam Black Lionhead) 

                เป็นสายพันธุ์ที่มีต้นกำเนิดในประเทศไทย ลักษณะที่ดีของปลาสายพันธุ์นี้ คือตัวจะต้องดำสนิทถึงท้องและท้องจะต้องกลม และชิดโคนหาง โดยย้อยออกด้านล่าง ไม่มาก วุ้นจะต้องปกคลุมตาจนมิด หลังจะต้องโค้งเนียน ได้สัดส่วน ใบหางใหญ่ และยืนน้ำได้ดีหัวไม่ทิ่ม เป็นปลาที่เหมาะสำหรับฮวงจุ้ย
สิงห์ญี่ปุ่น (Japanese Lionhead) 

                เป็นสายพันธุ์ที่พัฒนามาจากสิงห์จีน โดยมีลักษณะเด่น คือ หัววุ้นจะขึ้นไม่มาก เหมือนสิงห์จีน โดยจะมีบริเวณหน้าผาก และใต้ดวงตา หรือที่เรียกกันว่า เขี้ยว บริเวณเหงือกจะมีวุ้นไม่มาก หลังจะต้องโค้งเรียบได้สัดส่วน ท้องจะต้องใหญ่ชิดโคนหางและย้อยลงมาเล็กน้อย เวลาว่ายน้ำหน้าจะไม่เชิดขึ้น และยืนน้ำหัวต้องไม่ทิ่ม

หากเกิดมีปลาทองตาย หมายถึงปลาทองตัวนั้น ได้ช่วยรับเคราะห์กรรมแทนผู้ที่เลี้ยง ผู้เลี้ยงจึงควรรีบหา ปลาทองตัวใหม่ มาทดแทนทันทีและควรรีบทำบุญเพื่อเสริมดวงชะตาของผู้ที่เลี้ยง

               ฮวงจุ้ยหรือฮวงซุ้ย เป็นศาสตร์เร้นลับชั้นสูง ที่มีอายุยืนยาวนับพันๆ ปี อยู่คู่กับอารยธรรมของจีนมาตลอด และในปัจจุบันกำลังเป็นที่นิยมและมีอิทธิพลสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจเรียลเอสเตทและประชาชนทั่วๆไป 
ฮวงจุ้ยหมายถึงอะไร? 

                ขอกล่าวย่อๆ ฮวงคือลม จุ้ยหรือซุ้ยหมายถึงน้ำ ฮวงจุ้ยเป็นศาสตร์ที่ว่าด้วยลมกับน้ำเกี่ยวข้องกับระบบธรรมชาติและสัมพันธ์กับจิตใจ 

               ถ้าดวงชะตาของท่านจะเป็นผู้ที่โชคดีคนหนึ่ง โดยเฉพาะท่านที่เป็นความดันโลหิตสูง เพราะมีการวิจัยทางการแพทย์แล้วว่า การได้เห็นปลาแหวกว่ายในน้ำได้มองดูจังหวะการฮุบกินอาหารของปลานั้น ทำให้เกิดการคลายเครียดวิตกกังวลได้และยังสามารถลดความดันโลหิตของท่านลงได้อย่างไม่น่าเชื่อ 
              
ถ้าท่านความดันปกติและชอบเลี้ยงปลาอยู่แล้ว เลี้ยงโดยไม่ได้หวังผลทางการบำบัดใดๆ ท่านก็ยังได้รับความเพลิดเพลินและมีโชคในการค้าขาย ซึ่งการเลี้ยงปลาทองจำนวน 6 ตัว ในตู้ปลา ชาวจีนหรือแม้ชาวไทยที่รู้หลักฮวงจุ้ยนั้นจะมีโชคดี เพราะตามหลักวิชาฮวงจุ้ยนั้น ตู้ปลาและปลาทองเป็นสัญลักษณ์ของน้ำที่กำลังเคลื่อนไหว 

การเคลื่อนไหวของน้ำในตู้ปลาจึงถูกนำไปเปรียบเทียบกับการหมุนเวียนของเงิน และจำนวนปลาที่ชาวจีนนิยมเลี้ยงที่สุดเพื่อความสิริมงคล คือ 6 ตัว เพราะจำนวน 6 เป็นธาตุทอง ปลาทอง 6 ตัว จึงเท่ากับเป็นการเพิ่มทองขึ้นเป็นทวีคูณ ส่วนน้ำยังเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่ง ทั้งทองทวีคูณมารวมกับความมั่งคั่งในตู้ปลาในบ้านของท่านย่อมเป็นมงคลแน่ 

ถ้าเราเลี้ยงปลาทอง 9 ตัว ซึ่งเป็นตัวเลขมงคลของไทย จะเป็นมงคลตามฮวงจุ้ย หมอฮวงจุ้ยจะตอบว่าเลข 9 เป็นเลขที่มีค่ามากที่สุด ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความสามารถสูงสุด เพราะฉะนั้นถ้าจะเลี้ยงปลาทอง 9 ตัว ในตู้ปลาก็ถือว่าจะกระตุ้นให้เกิดความมั่นคั่งสูงสุดเช่นกัน 
  

           ถ้าสังเกตตามภัตตาคารใหญ่ๆ จะเห็นมีตู้ปลาอยู่ใกล้ๆ หรือถัดจากโต๊ะเก็บเงิน จำนวนของปลาที่จะเลี้ยง 
ทิศเหนือ 7 ตัว สีดำ 1 ตัว สีทอง 6 ตัว 
ทิศใต้ 9 ตัว สีดำ 2 ตัว สีทอง 7 ตัว 
ทิศตะวันออก 11 ตัว สีดำ 3 ตัว สีทอง 8 ตัว 
ทิศตะวันตก 13 ตัว สีดำ 4 ตัว สีทอง 9 ตัว 
ทิศเฉียง(ทุกทิศ) 10 ตัว สีดำ 5 ตัว สีทอง 5 ตัว 
หวังว่าจะเป็นส่วนหนึ่งในการตัดสินใจครับ

ผมไปได้ตำราที่จดไว้มาแล้วครับลองดู...การเลี้ยงปลาหากเลี้ยงไว้ดูเล่นก็ไม่มีอะไรที่ต้องสนใจมากและก็ไม่จำกัดจำนวน แต่ถ้าหากต้องการเลี้ยงเพื่อเสริมอำนาจบารมีก็ต้องทำตามหลักฮวงจุ้ย การเลี้ยงปลาในหลักฮวงจุ้ยตามแผนภูมิเหอถู จะเป็นตัวกำหนด การเลี้ยงปลาเพื่อเสริมพลังให้กับชีวิต เนื่องจาก "น้ำคือเงิน" 

คนธาตุน้ำ   ปลาดำ 1 ตัว  ปลาแดง 6 ตัว
คนธาตุไฟ  ปลาดำ 2 ตัว  ปลาแดง 7 ตัว
คนธาตุไม้  ปลาดำ 3 ตัว  ปลาแดง 8 ตัว
คนธาตุทอง ปลาดำ 4 ตัว  ปลาแดง 9 ตัว
คนธาตุดิน  ปลาดำ 5 ตัว  ปลาแดง 10 ตัว

สิ่งที่สำคัญต้องหมั่นดูแลน้ำให้สะอาดถ้าน้ำที่ใช้เลี้ยงสกปรกการเงินก็ขุ่นมัวไปด้วย
ตารางเปรียบเทียบตามปีนะครับตามตำราเหอถูแสดงถึงธาตุในแต่ละราศีเกิด

พ.ศ. 2467,2468,2475,2476,2483,2484,2497,2498,2505,2506,2513,2514 เป็นธาตุทองครับ
พ.ศ. 2469,2470,2477,2478,2491,2492,2499,2500,2507,2508,2521,2522 เป็นธาตุไฟครับ
พ.ศ2471,2472,2485,2486,2493,2494,2501,2502,2515,2516,2523,2524 เป็นธาตุไม้ครับ
พ.ศ2473,2474,2481,2482,2489,2490,2503,2504,2511,2512,2519,2520 เป็นธาตุดินครับ
พ.ศ2479,2480,2487,2488,2495,2496,2509,2510,2517,2518,2525,2526 เป็นธาตุน้ำครับ

การใช้ธาตุตามหลักฮวงจุ้ยนี้เป็นธาตุตามตำราเหอถูใช้สำหรับเลี้ยงปลานะครับไม่ใช่ธาตุตามปีเกิดของแต่ละบุคคลเพราะตามธาตุปีเกิดของแต่ละราศีไม่มีธาตุดิน
จดมาจาก...วิธีดูฮวงจุ้ยการเงิน..โหราจารย์  ณัฐสุดา จันทนยิ่งยง
อยาหาอ่านต่อให้ไปหาซื้อได้นะครับ.......


เท่าที่ทราบนะครับการเลี้ยงปลาทอง 8 ตัว และสีดำอีก 1 ตัว มีความหมายดังนี้ครับ ปลาทอง 8 ตัว คือหลักการของเลข 8 ที่แสดงถึงความไม่สิ้นสุดครับ เพราะปลาเป็นสีทองทำให้เรามีเงินทองไม่มีที่สิ้นสุด ส่วนปลาสีดำ 1 ตัว คือหลักตามประเทศไทยครับที่นับถือว่าเลข 9 เป็นเลขมงคล เพราะฉะนั้นการร่วมกันของทั้ง 2 ศาสตร์จึงเป็นเรื่องที่มงคลยิ่งขึ้นครับ และยังมีศาสตร์ของน้ำ คือ การไหลเวียนของน้ำทำให้มีเงินทองไหลเวียน ตลอดครับ การวางตู้ควรวางหันหน้าไปทางทิศตะวันออกครับ แต่ถ้าวางกลับกับความหมายก็จะกลับกันเป็นตรงกันข้ามครับ ระวังด้วยนะครับ 













วันเสาร์ที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

สายพันธุ์ปลาทองที่นิยมเลี้ยง

สายพันธุ์ปลาทองที่นิยมเลี้ยง 


   สายพันธุ์ปลาทองมีไม่ต่ำกว่า 100 สายพันธุ์ ซึ่งบางสายพันธุ์จนถึงปัจจุบันก็ได้หายสาบสูญไปตามกาลเวลาก็มี โดยสายพันธุ์แรกที่มีการเลี้ยงคือ ฮิฟุนะ ซึ่งมีรูปร่างเหมือนปลาทองดั้งเดิมในธรรมชาติ แต่ว่ามีสีทอง ต่อมาก็ถูกพัฒนาจนกลายเป็นปลาทองที่มีหาง 3 แฉก เรียกว่า วากิ้น และจากวาคิ้นก็ถูกพัฒนาจนกลายมาเป็นปลาทองหาง 4 แฉก คือ จิกิ้น จนในที่สุดก็กลายมาเป็นริวกิ้นในที่สุด
นอกจากนี้แล้วสายพันธุ์ที่เรียกว่า มารุโกะ ก็เป็นบรรพบุรุษของปลาทองสายพันธุ์หัวสิงห์ต่าง ๆ และสายพันธุ์เดเมกิ้น ก็เป็นบรรพบุรุษของปลาทองสายพันธุ์ตาโปนต่าง ๆ
ปลาทองสามารถแบ่งออกตามลักษณะลำตัวได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ
1.กลุ่มที่มีลำตัวแบนยาว
มีลำตัวแบนข้าง และมีครีบหางเดี่ยว ยกเว้นวากิ้นซึ่งมีครีบหางคู่ ปลาในกลุ่มนี้มักจะว่ายน้ำได้รวดเร็ว ปราดเปรียว ทนทานต่อโรคต่าง ๆ และเจริญเติบโตได้เร็วกว่า ปลาทองที่จัดอยู่ในกลุ่มนี้ได้แก่ โคเมท, ชูบุงกิ้น, วากิ้นป็นต้น
2.กลุ่มที่มีลำตัวกลมหรือรูปไข่
ถือเป็นกลุ่มที่มีจำนวนสายพันธุ์หลากหลายมากที่สุด ซึ่งเป็นกลุ่มที่ว่ายน้ำได้ไม่ดี อาจจะว่ายหัวตก มีลักษณะสำคัญที่ครีบ หัวและนัยน์ตาที่แตกต่างหลากหลายกัน โดยแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มที่มีครีบหลัง ได้แก่ ออรันดา, เกล็ดแก้ว, รักเล่, แพนด้า, โทะซะกิน เป็นต้น กับ กลุ่มที่ไม่มีครีบหลัง ได้แก่ สิงห์จีน, สิงห์ญี่ปุ่น, สิงห์ดำตามิด, รันชู, ลูกโป่ง, ตากลับป็นต้น

  
1. ฮอลันดาปักกิ่ง



ประวัติถิ่นที่อยู่อาศัย    ประเทศจีน

รูปร่างลักษณะ   พุงป่องอ้วน ตุ้ยนุ้ย

อุปนิสัย    การฟักตัวของไข่ของปลาทองสามารถปรับอุณหภูมิได้อยู่ระหว่าง 0-35 องศาเซลเซียส   ช่วงอุณหภูมิที่ดีที่สุด
คือ 20-25 องศาเซลเซียส   ปลาทองเป็นปลาที่วางไข่ตลอดทั้งปีแต่จะชุกมากในเดือนเมษายน-ตุลาคม หรือช่วงที่อากาศไม่เย็นจนเกินไป   ปลาทองที่วางไข่ครั้งแรกแล้วจะสามารถวางไข่ติดต่อกันไปอีกเป็นเวลาประมาณ 6-7 ปี

การเลี้ยงดู    น้ำที่จะใช้เลี้ยงปลาทองหากเป็นน้ำประปาหรือน้ำบาดาลต้องมีการพักน้ำทิ้งไว้ ประมาณ 1-2 วัน เพื่อให้สารพิษต่างๆ ที่ปนอยู่ได้คลายตัวไปบ้าง เช่น คลอรีน คาร์บอนไดออกไซด์     การย้ายแม่ปลาทองที่ออกไข่จะต้องย้ายทันทีเมื่อปลาทองวางไข่เพราะมันจะเริ่ม กินไข่ของตัวเองทันทีในวันต่อมา

  เป็นปลาทองที่มีขนาดลำตัวเล็ก ตัวกลมสั้นป้อม หลังยกสูงเหมือนหลังอูฐ หัววุ้นที่ขึ้นจะเป็นวุ้นที่ละเอียดเม็ดเล็กๆ มีสัดส่วนวุ้นแบ่งเป็นวุ้นเคี้ยว ซึ่งจะอยู่บริเวณมุมปากของปลา ซึ่งจะมองแล้วคล้ายวงช้าง ทำให้มองดูปลาแล้ว เหมือนแก้มยุ้ย ช่วงลำตัวจะกลมเหมือนลูกกอล์ฟ ช่วงท้องจะใหญ่กลมมาก ใบหางของเจ้าปักกิ่งนั้น ใบหางบนยกสูง 40-60 องศา และใบหางล่างกดลง 50-70 องศา เนื่องจากปักกิ่ง มีสัดส่วนที่กลมเพราะฉะนั้นใบหางปลาจะมีการสมดุล กับ body สันหลังที่อยู่ส่วนบนของลำตัวจะยกสูงโค้งจรดโคนหางกระโดงหลังจะตั้งตรง เหมือนกระโดงเรือ ส่วนเกล็ดจะเป็นเกล็ดที่มีขนาดเล็กละเอียดแน่น และที่สำคัญจะต้องยืนน้ำตัวตั้งตรงกับพื้นน้ำ ครีบทวารเหยียดตรง

 2. สิงห์ลูกผสม (สิงห์จีน)


ชื่ออังกฤษ    Lion head gold fish

ชื่อวิทยาศาสตร์    Carasius auratuss

ชื่อไทย    ทองหัวสิงห์จีน

ประวัติถิ่นที่อยู่อาศัย    ประเทศจีน

รูปร่างลักษณะ    หัวใหญ่มีวุ้นหนา   ลำตัวยาว

อุปนิสัย     เลี้ยงง่ายกินลูกน้ำ ไรแดง ไข่น้ำ 

การเลี้ยงดู     การเลี้ยงปลาชนิดนี้ให้ได้ดีควรเลี้ยงในอ่างตื้น ๆ

 เป็นปลาที่มีความนิยมมากในหมู่เด็กๆ เนื่องจากมีวุ้นที่ฟูฟ่องออกมาจำนวนมากขนาดปิดตา เป็นวุ้นก้อนใหญ่แบบหยาบไม่ละเอียดมากนัก ความน่ารักจะอยู่ที่หน้าตากลมวุ้นเยอะมาก ลำตัวจะอ้วนมากสันหลังจะไม่โค้งเหมือนครึ่งวงกลม แต่มีช่วงตัวที่ยาวกว่าสิงห์ญี่ปุ่น เกล็ดจะเป็นลักษณะหยาบไม่แววใสมีเยื่อหุ้มเกล็ดบางๆ ปลาบางตัวจะมีหลังยาวเหมือนกระดานด้วยซ้ำ

 3. สิงห์ดำ (สิงห์สยาม)


ชื่ออังกฤษ   Telescope black moor

ชื่อวิทยาศาสตร์   Carassius auratus

ชื่อไทย    ทองเล่ห์

ประวัติที่อยู่อาศัย     ประเทศจีน

รูปร่างลักษณะ    ที่มีลำตัวสีดำสนิทแม้กระทั่งครีบ

อุปนิสัย    ง่ายชอบอาหารพวกลูกน้ำ ไรสีน้ำตาล หนอนแดงและอาหารสำเร็จรูป          
                  ไม่ดุร้ายสามารถเลี้ยงร่วมกับปลาตัวอื่นได้เป็นอย่างดี

การเลี้ยงดู    เลี้ยงง่าย



     จะมีลักษณะคล้ายสิงห์วุ้นลูกผสม แต่ลำตัวจะมีสีดำวุ้นก็จะดำด้วย ส่วนช่วงท้องของปลาสิงห์ดำจะมีสีทองออกเทาหรือดำสนิทก็ได้ ซึ่งปลาชนิดนี้จะต้องมีวุ้นขึ้นตกจนขนาดมิดตา ผิวหนังของสิงห์ดำจะมีเยื่อบางๆ ปกคลุมมีสีดำ เมื่อเกิดรอยแผลสักเล็กน้อยก็จะเห็นได้เด่นชัดขึ้นหลังมีความโค้งสวย ซึ่งมีความโค้งเทียบเท่ากับสิงห์ญี่ปุ่น แต่ความหนาลำตัวจะไม่ค่อยหนามากนักในตอนเล็ก แต่เมื่อโตเต็มที่จะมีขนาดลำตัวที่ใหญ่ตามลำดับ ซึ่งสิงห์ดำนั้นจะมีส่วนที่ดำทั้งตัวตั้งแต่ครีบว่าย, ครีบอก, ครีบหาง, เหงือกปลา, วุ้นและผิวเมือกปลาจะมีสีดำทั้งหมด







4.ทองตาลูกโป่ง

 ชื่ออังกฤษ    Buble eye gold fish

ชื่อวิทยาศาสตร์   Carassius auratus

ชื่อไทย    ทองตาลูกโป่ง

ประวัติที่อยู่อาศัย    ประเทศจีน

รูปร่างลักษณะ    มีตาใหญ่   คล้ายลูกโป่ง

การเลี้ยงดู    ไม่ควรเลี้ยงกับปลาที่ดุร้ายอื่นๆ กินลูกน้ำ ไรสีน้ำตาล และอาหารสำเร็จ   เพราะมีจุดอ่อนอยู่ที่ตา
                        

5.ปลาทองเกร็ดแก้ว


 ชื่ออังกฤษ   Peal Scale Gold Fish

ชื่อวิทยาศาสตร์   Carassius aruatus

ชื่อไทย    ทองเกล็ดแก้ว

ประวัติที่อยู่อาศัย    ประเทศจีน

รูปร่างลักษณะ    ที่ลำตัวป้อมสั้น ส่วนมากจะกลม เกล็ดจะหนานูนขึ้น

อุปนิสัย    กินอาหารพวกลูกน้ำ ไรสีน้ำตาล อาหารเม็ด

การเลี้ยงดู    เป็นปลาที่ค่อนข้างจะบอบบาง    จึงต้องการการดูแลเอาใจใส่เป็นพิเศษ    ไม่ควรเลี้ยงปนกับปลาชนิดอื่น


6.ทองออเแรนด้า

ชื่ออังกฤษ   Oranda

ชื่อวิทยาศาสตร์   Carassius auratus

ชื่อไทย    ทองออแรนดา

ประวัติที่อยู่อาศัย    ประเทศจีน

รูปร่างลักษณะ    มีช่วงลำตัวยาว ครีบทุกครีบยาว

อุปนิสัย    กินอาหารจำพวกลูกน้ำ ไรสีน้ำตาล อาหารเม็ดสลับกันไป

การเลี้ยงดู    เลี้ยงรวมกับปลาทองชนิดอื่นได้ 

7.ปลาริ้วกิ้น


 ชื่ออังกฤษ    Veiltail

ชื่อวิทยาศาสตร์    Carrasius auratus

ชื่อไทย    ริวกิ้น

ประวัติที่อยู่อาศัย    ประเทศจีน 

รูปร่างลักษณะ    ลำตัวป้อมสั้น ท้องใหญ่ หางยาวเป็นพวง ส่วนหัวสูง ลำตัวเป็นสีส้ม หรือส้มแดงปนขาว เวลาว่ายน้ำจะเป็นท่วงท่าที่ดูสง่างาม

อุปนิสัย     ปลาริ้วกิ้นชอบกินลูกน้ำไรสีน้ำตาล และอาหารสำเร็จ

การเลี้ยงดู    ไม่ควรให้น้ำเย็นเกินไป

 


 

 



 

 




 

วันเสาร์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

วิธีเลี้ยงปลาทองอย่างถูกต้อง


                   วิธีเลี้ยงปลาทองอย่างถูกต้อง



ปลาทอง เป็นปลาสวยงามอันดับต้น ๆ ที่ได้รับความนิยมเลี้ยงกันอย่างกว้างขวาง เพราะสวยงามและดูมีชีวิตชีวา แถมชื่อยังเป็นมงคลอีกด้วย นักเลี้ยงปลาทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่น จึงเลือกเลี้ยงเจ้าปลาชนิดนี้ไว้ดูเล่นกันเป็นจำนวนมาก 

          แม้ว่าปลาทอง จะเป็นปลาสวยงามที่เลี้ยงไม่ยาก แต่หลายต่อหลายคนก็อกหักจากการเลี้ยงปลาทองมาแล้วไม่น้อย เนื่องจากปลาทองจัดเป็นปลาที่ตายได้ง่าย ๆ หากไม่รู้วิธีการเลี้ยงอย่างถูกต้อง และวันนี้เรามีคำแนะนำดี ๆ ในการเลี้ยงมาฝากกัน
 การซื้อปลาทอง
+ ปลาทองตัวผู้กับตัวเมียจะมีข้อแตกต่างกัน ที่ดูไม่ยากมากก็คือรูปร่างครับ ปลาตัวผู้มักจะผอมกว่าตัวเมีย(นิดนึง) แต่ถ้าจะดูเจาะลึกกว่านั้นก็ดูที่ครีบ ครีบหน้าหรือเรียกว่ามือของน้องปลา ตัวผู้จะสากกว่า ซึ่งการจะขอจับมือน้องปลานั้นออกจะยากอยู่ ถ้าส่องเอาก็ให้ดูจะมีเม็ดขาวๆเม็ดๆที่มือน้องปลา แต่ตัวเมียจะไม่มี และไม่สาก อีกที่คือดูที่ก้นน้องปลา แต่อันนี้ไม่แนะนำ 




+ ถ้าใครคิดจาเลี้ยงปลาทองแล้วหวังจะให้เค้ามีลูก ขอให้พับความหวังเหลือสัก 5% เพราะยากมากครับเลี้ยงมาหลายรุ่น สิบกว่าปีได้แล้ว ก็ยังไม่เคยทำให้น้องปลามีลูกได้ เพราะฉะนั้นสำหรับคนที่อยากเลี้ยงปลาทอง และไม่คิดจะพยายามให้เค้ามีลูกอย่างจริงจัง แนะนำว่าให้เน้นเลี้ยงตัวผู้ดีกว่าตัวผู้ปัญหาน้อยกว่า 

+ ตัวเมียเนี่ยลักษณะเค้าจะกลมอยู่แล้ว แล้วถ้าเค้าอ้วนเกินไป เค้าก็จะหงายครับ พอหงายบ่อยๆ ก็จะเริ่มหงายถาวร ไม่ใช่ตายนะแต่ว่ายกรรเชียง แล้วพอท้องพ้นน้ำ ท้องเค้าก็จะเป็นแผล (เวลาหงายแล้วจะมักลอยอยู่ผิวน้ำตลอด) แถมตัวเมียจะมีระยะตกไข่ เป็นประจำ ซึ่งพอมีไข่ในท้อง ธรรมชาติตัวผู้จะต้องไล่เพื่อให้ไข่ในท้องปล่อยออกมา จะสังเกตุได้จากปลาตัวผู้จะเอาปากไปไล่ดุนก้นตัวเมีย แล้วไข่ก็จะหลุดออกมา แต่บางทีเราไม่เห็นไข่ เพราะปลาทองเก็บกินหมด แต่ไม่ต้องตกใจครับ ไข่ทีเพิ่งหลุดออกมานี้ ยังไม่เป็นตัว ไข่จะเป็นตัวได้คือ มันจะต้องรอดจากการถูกกิน ไปเกาะๆอยู่ตามที่ต่างๆ แล้วรอตัวผู้ไปฉีดน้ำเชื้อ ถึงจะมีโอกาสเป็นไข่ปลาที่มีชีวิตซึ่งปัญหาสำคัญของปลาทองตัวเมียก็คือเรื่องนี้

+ ถ้าตัวผู้น้อยเกินไป หรือไม่มีตัวผู้ ไข่ในท้องตัวเมียจะออกมาไม่หมด ค้างแล้วก็จะเน่า ทำให้น้องปลาป่วย และอาจจะตายในที่สุดครับวิธีรักษามี แต่ยุ่งยาก เสี่ยง และต้องให้ผู้เชี่ยวชาญทำดังนั้นขอแนะนำให้ป้องกันด้วยการเลี้ยงตัวผู้เยอะหน่อย สัดส่วนก็ตัวผู้ 2 ตัว ต่อตัวเมีย 1 ตัว เน้นเลี้ยงตัวผู้แต่อย่าเยอะเกินไปนะครับตัวเมียจะถูกไล่จนเหนื่อยเกินไป จะไม่ไหวเอานะครับ

+ ซื้อปลาทองจากร้านที่มีมาตรฐาน ปลาทองเกรดที่ใช้ได้ขึ้นไป ก็จะตัวประมาณ200อัพ แต่ไม่ใช่ว่าถูกกว่านี้จะไม่มีปลาดีๆน่ะครับ แต่โอกาสจะได้ปลาดีเนี่ย มันเสี่ยงเยอะกว่าปลาร้านดีๆมากแล้วก็ปลาใหม่อาจจะนำโรคมาให้ปลาเก่า ขอยืนยันนะครับว่าถึงจะดูดีแล้วแค่ไหน ปลาที่ซื้อมาก็อาจจะมีโรคแฝงได้ เพราะเคยประสบมาเองครับ ซื้อปลาตามลักษณะที่ดีทุกประการ แต่สุดท้ายเค้าก็มีโรคติดมาจนได้ นานๆครั้งจะโชคดี ซื้อปลาถูก และไม่ป่วยมาได้ 

+ ที่สำคัญถ้าซื้อมาแล้วเค้าป่วยอย่าทอดทิ้งเค้านะครับแยกออกมาจากเพื่อนๆกันเค้าติดกัน แล้วรักษาอย่างถูกต้องให้ดีที่สุด ถ้าเค้าหายแล้ว เราก็สามารถให้เค้ากลับไปอยู่กับเพื่อนๆในตู้เหมือนเดิมได้

+ อีกข้อคือ อันนี้ได้ความรู้มาจากพี่เอก คลองขวางครับว่าปลาทองก็เหมือนเด็กนี่ล่ะครับ ต้องมีการป่วย มีการสร้างภูมิคุ้มกันก่อน พี่เค้าบอกว่าปลาทุกตัวที่เพาะมา เค้าต้องรอให้มันป่วยครั้งแรกก่อนรักษาให้หายจึงออกมาขายได้ ปลาที่ยังไม่เคยป่วย ไม่มีการรักษาให้เกิดภูมิคุ้มกันก่อนแล้วออกมาขายเลย โอกาสตายมีสูงมาก ดังนั้นก่อนซื้อถามคนขายให้ดีๆ ว่าเค้าเป็นปลาทีเคยป่วยและมีภูมิแล้วใช่ไหม ถ้าคนขายทำหน้างงๆ ก็อยากให้เลี่ยงๆไปดูร้านอื่นก่อนแล้วกันครับ

+ เราควรซื้อปลาจากร้านที่คนขายเชี่ยวชาญการเลี้ยงจริงๆนะครับ เพื่อเราจะได้รับคำแนะนำที่ถูกต้อง

+ หวังว่าคงจะพอเป็นประโยชน์ต่อท่านที่กำลังสนใจเลี้ยงปลาเริ่มต้นได้บ้างน่ะครับ....กว่าผมจะพอมีความรู้ก็ต้องผ่านการเลี้ยงๆล้มๆลุกๆตายบ้างรอดบ้าง หาความรู้จากหนังสือจากผู้รู้เพิ่มบ้างบางทีปลาป่วยเป็นโรคตายแล้วติดต่อกันลามไปตายถึงตัวอื่นๆทำเอาท้อแท้ใจเหมือนกันครับ...แต่เราเลี้ยงเขาแล้วเขาก็ให้ความสุขเราได้น่ะครับเวลามองก็ชื่นใจดีเวลาเหนื่อยๆ




นักเลี้ยงปลาทองส่วนใหญ่นิยมเลี้ยงในตู้มากกว่า ภาชนะอย่างอื่น เพราะนอกเหนือจากความงดงามอ่อนช้อยของปลาทองแล้ว ยังสามารถตกแต่งตู้ปลาให้สวยงามเป็นเครื่องประดับบ้านโชว์แขกที่มาเยี่ยมเยือนได้เป็นอย่างดี
   การเลี้ยงปลาทองในตู้จะต้องมีการเตรียมการล่วงหน้าดังต่อไปนี้
เลือกสถานที่ 
   ก่อนซื้อตู้ปลา ควรกำหนดจุดหรือบริเวณภายในบ้านหรืออาคารสำหรับเป็นที่ตั้งตู้ปลาเสียก่อน วัดขนาดความกว้างความสูงของสถานที่ ให้แน่นอนแล้วจึงไปหาซื้อตู้ที่มีขนาดพอเหมาะกับสถานที่ตั้ง 
   จุดที่เหมาะสำหรับตั้งตู้เลี้ยงปลาทองควรเป็นที่อากาศถ่ายเทสะดวกถ้าได้ที่มีแสงแดดตอนเข้าส่องถึงจะดีมาก เพราะแสงแดดยามเช้าจะทำให้สีของปลาเข้มขึ้น ตรงกันข้ามกับแสงแดดยามบ่ายจะทำให้สีของปลาจางลงนอกจากนั้นแล้วจุดตั้งตู้เลี้ยงปลาควรอยู่ตรงที่สามารถขับถ่ายน้ำได้สะดวก 
ตู้เลี้ยงปลา
   ตู้เลี้ยงปลาทองควรพิจารณาเลือกตู้ที่มีรูปทรงและขนาดให้เหมาะสมกับพื้นที่ที่เลือกไว้ อย่างไรก็ตามขนาดของตู้ไม่ควรเล็กเกินไปถ้าต้องการจะตกแต่งตู้ด้วยพรรณไม้น้ำและวัสดุอย่างอื่นเช่นก้อนหิน หรือขอนไม้
   ตู้เลี้ยงปลาปัจจุบันนิยมใช้กันอยู่ 2 ชนิด คือ ตู้ที่ทำด้วยแผ่นกระจก และตู้ที่หล่อขึ้นจากอะคริลิกใส ตู้กระจกมีข้อดีตรงที่ไม่เป็นรอยขีดข่วนง่ายเวลาทำความสะอาด แต่เสียตรงที่มีน้ำหนักมาก เคลื่อนย้ายลำบาก และมีรอยต่อตรงมุมตู้ส่วนตู้อะคริลิกมี่ข้อดีตรงที่มีความใสมากกว่าแผ่นกระจก ไม่มีรอยต่อตรงมุมตู้น้ำหนักเบา มีความยืดหยุ่น แต่มีข้อเสียที่ราคาแพง เกิดรอยขีดข่วนง่ายและถ้าเป็นอะคริลิกคุณภาพต่ำเมื่อใช้ไปนาน ๆ  จะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองชาด้วยเหตุนี้ตู้กระจกจึงยังได้รับความนิยมมากกว่า
 เลี้ยงในจำนวนที่เหมาะสม โดยดูจากภาชนะที่ใช้เลี้ยง ตู้ที่นิยมเลี้ยงส่วนมากเป็นตู้ขนาด 60 ซ.ม. ( 24 นิ้ว ) จะใช้เลี้ยงปลาทองที่มีความยาว 3-4 ซ.ม. ประมาณ 7-8 ตัว และควรติดตั้งแอร์ปั้ม เพื่อเป็นการเพิ่มอากาศ ในตู้ปลา ถ้าหากแอร์ปั้มมีขนาดใหญ่ ตู้ปลาขนาด 60 ซ.ม. จะสามารถเลี้ยงได้ถึง 15-20 ตัว แต่ต้องคำนึงถึงระบบกรองน้ำด้วย เพราะปลายิ่งมากน้ำก็จะยิ่งสกปรกเร็ว

การจัดเตรียมตู้ปลา
   ตู้ปลาที่ซื้อมาใหม่จะต้องล้างทำความสะอาดแล้วใสน้ำแช่ทิ้งไว้ 2-3 วัน ระหว่างที่ใสน้ำแช่ไว้ควรตรวจสอบดูว่ามีการรั่วซึมที่ใดบ้างหรือเปล่าถ้ามีก็จัดการซ่อมแซมให้เรียบร้อยเสียก่อน หลังจากนั้นถ่ายน้ำที่แช่ไว้ออกให้หมด เช็ดให้แห้งแล้วนำไปวางเข้าที่ที่เตรียมไว้ การเคลื่อนย้ายตู้ปลาควรใช้มือช้อนเข้าไปในตู้แล้วยก อย่าจับขอบด้านบนแล้วยกเป็นอันขาด เพราะอาจทำให้แผ่นกระจกด้านข้างโย้ไปมาจนกาวยึดรอยต่อเกิดการรั่วซึมหรือฉีกขาดได้

เตรียมแผ่นกรอง
   แผ่นกรองก่อนนำมาใช้จะต้องทำความสะอาดเสียก่อนเนื่องจากแผ่นกรองทำด้วยพลาสติกที่ใช้สารเคมีในขบวนการผลิต ถ้าไม่ล้างออกให้หมดอาจเป็นอันตรายต่อปลา จากนั้นนำแผ่นกรองประกอบเข้ากับท่อระบายอากาศ ต่อสายยางจากปั้มลมเข้ากับท่อลมข้างท่อระบายอากาศ แล้วเอาแผ่นกรองวางแนบกับพื้นตู้
เตรียมพื้นตู้
   วัสดุที่ใช้ปูพื้นตู้โดยมากนิยมใช้ทรายหยาบหรือกรวดขนาดเล็ก ไม่ควรใช้ทรายละเอียด เพราะจะทำให้ประสิทธิภาพการกรองลดลงตกตะกอนและเศษของเสียยังตกค้างอยู่บนพื้นผิวทราย เป็นสาเหตุให้น้ำขุ่น สำหรับปลาทองซึ่งเป็นปลาที่ชอบคุ้ยหาอาหารที่พื้นจึงควรใช้กรวดขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อย หรือขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 มิลลิเมตร และควรเลือกกรวดที่ไม่มีเหลี่ยมแหลมคมและปราศจากเศษเปลือกหอย ป้องกันปลาทองบาดเจ็บเมื่อว่ายไปชน 
   ก่อนนำกรวดมาใช้ปูพื้นตู้ปลาจะต้องล้างให้สะอาดจนหมดเศษดินแล้วแช่น้ำทิ้งไว้ 2-3 วันเพื่อกำจัดความเค็มที่อาจติดมากับกรวดถ้าจะให้ดีก็ควรเอากรวดมาลวกน้ำร้อนในถังแช่ทิ้งไว้ประมาณ  10-15 นาที เพื่อให้น้ำร้อนแทรกซึมเม็ดกรวดได้ทั่วถึง แล้วจึงนำมาล้างน้ำเย็นให้สะอาดก่อนนำไปใช้
   นำกรวดที่ล้างสะอาดแล้วไปเทใส่ตู้กลบทับแผ่นกรองให้มิดและหนาอย่างน้อย 3 นิ้ว ที่นิยมกันมากจะปูพื้นให้ระดับกรวดด้านหลังตู้สูงกว่าด้านหน้า พื้นกรวดที่มีลักษณะเอียงลาดแบบนี้เมื่อนานไป กรวดที่อยู่ระดับสูงจะเลื่อนไหลลงมาอยู่ที่ระดับเดียวกันเป็นพื้นราบ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาควรหาอะไรมากั้นดักเอาไว้เป็นช่วง ๆ 


ขั้นตอนการเตรียมตู้ปลา
1. ใส่กรวดทับลงไปบนแผ่นกรอง
2. เกลี่ยกรวดให้เต็มพื้นตู้
3. ปรับระดับชั้นกรวดสูงต่ำตามต้องการ
4. ตกแต่งด้วยก้อนหิน ขอนไม้ ตามชอบ
5. ใส่น้ำโดยใช้พลาสติกหรือชามรองกันทรายกระจายขึ้นมา
6. ถ้าต้องการตกแต่งด้วยพันธุ์ไม้น้ำใส่น้ำลงไปประมาณ 1 ใน 3 ก่อน
7. เริ่มปลูกต้นไม้น้ำที่เป็นฉากหลังก่อน
8. ปลูกต้นไม้น้ำระดับกลางตู้
9. ปลูกต้นไม้น้ำขนาดเล็กไว้ด้านหน้าตู้
10. หลังจากปลูกต้นไม้น้ำหมดแล้วให้ถ่ายน้ำทิ้ง
11. ใส่น้ำสะอาดไปให้เต็มตู้แล้วช้อนเศษใบและกิ่งก้านไม้น้ำที่ลอยอยู่ในน้ำออกให้หมด
12. ตู้ที่จัดเสร็จแล้วแต่น้ำยังขุ่นอยู่ ต้องรอให้น้ำใสเสียก่อนจึงค่อยปล่อยปลาลงไปเลี้ยง



การตกแต่ง
   อุปกรณ์สำหรับตกแต่งตู้เลี้ยงปลาทองต้องเลือกวัสดุที่ไม่มีเหลี่ยมคมไม่ว่าจะเป็นก้อนหิน หรือขอนไม้และที่ไม่ควรใช้อย่างยิ่งคือ ปะการัง ซึ่งมีแง่แหลมคมมากมายเป็นอันตรายต่อปลาทอง อุปกรณ์ตกแต่งทุกชิ้นจะต้องผ่านการล้างทำความสะอาดเสียก่อนจึงค่อยนำไปใช้



การใส่น้ำลงไปในตู้
   ก่อนใส่น้ำลงไปในตู้ปลาควรเอาพลาสติกอ่อนคลุ่มพื้นตู้หรือเอาชามไปวางไว้ก้นตู้กันกรวดกระจายเพราะแรงน้ำ เมื่อใส่น้ำลงไปในตู้ครั้งแรกจะขุ่นขึ้นมาทันทีควรถ่ายทิ้งแล้วเติมน้ำใหม่ลงไปถ้าต้องการจะตกแต่งด้วยพรรณไม้น้ำก็ทำเสียตอนนี้ แต่ควรทราบไว้อย่างหนึ่งว่า ปลาทองส่วนใหญ่ชอบกัดทำลายพืชน้ำ หากต้องการให้ภูมิทัศน์ในตู้ปลามีสีสันของพรรณไม้น้ำขอแนะนำว่าควรใช้ต้นไม้น้ำประดิษฐ์มาตกแต่งแทน 
   หลังจากตกแต่งด้วยพรรณไม้น้ำแล้วหากน้ำขุ่นมากก็ถ่ายออกแล้วเติมน้ำใหม่ลงไป พร้อมกันนี้ก็เปิดเครื่องปั๊มลมเพื่อเติมออกซิเจนให้กับน้ำและให้ระบบการกรองเริ่มทำงานทันที
   น้ำที่เหมาะสมสำหรับใช้เลี้ยงปลาในตู้มากที่สุด คือ น้ำประปา เนื่องจากผ่านการฆ่าเชื้อด้วยคลอรีนมาแล้วจึงมั่นใจได้ว่าไม่เป็นพาหะนำเชื้อโรค มาแพร่สู่ปลาที่เลี้ยง น้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติไม่ว่าจะเป็นน้ำจากบ่อ แม่น้ำ คลอง  บึง ไม่เหมาะจะเอามาใช้เลี้ยงปลาทองเพราะเสี่ยงต่อจุลินทรีย์ที่ปะปนมากับน้ำซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อปลา


วิธีกำจัดสารคลอรีนในน้ำประปา
   การกำจัดสารคลอรีนในน้ำประปาสามารถทำได้หลายวิธี เช่น เอาน้ำประปาไปพักไว้ในภาชนะสำหรับกักเก็บน้ำ เช่น ตุ่ม ถัง หรือแม้แต่ตู้ที่จะเลี้ยง ปลาเป็นเวลาประมาณ 1-2 วัน เพื่อให้คลอรีนระเหยไปจนหมด ระหว่างการพักน้ำหากเป่าอากาศลงไปด้วยก็จะช่วงเร่งคลอรีนให้ระเหยเร็วยิ่งขึ้น
   วิธีกำจัดคลอรีนออกจากน้ำประปาที่สะดวกที่สุดก็คือ เปิดน้ำประปาผ่านเข้าไปในเครื่องกรองน้ำแล้วเอาน้ำที่ออกมาไปใช้เลี้ยงปลาได้เลย เนื่องจากเครื่องกรองน้ำมีผงถ่านคาร์บอน  
(Activated carbon)  ซึ่งมีคุณสมบัติในการดูดซับคลอรีน สี และ กลิ่นต่างๆ ที่ละลายอยู่ในน้ำทำให้น้ำที่ออกมาใสสะอาดปราศจากสีและกลิ่น
   การกำจัดคลอรีนออกจากน้ำประปาอีกวิธีหนึ่งคือ การใช้สารกำจัดคลอรีน สารที่มีว่านี้มีชื่อทางเคมีว่า "โซเดียมไธโอซัลเฟต"  
(soudiumthio-sulfate) การใช้สารกำจัดคลอรีนต้องทำตามคำแนะนำในฉลากข้างภาชนะบรรจุโดยเคร่งครัด ถ้าใช้มากเกินไปตัวสารกำจัดคลอรีนเองจะกลับมาเป็นอันตรายต่อปลาที่ปล่อยลงไปเลี้ยงได้

การปล่อยปลาลงตู้
   ก่อนปล่อยปลาลงตู้เลี้ยงควรสังเกตดูว่าน้ำสะอาดดีแล้วหรือยัง การปล่อยปลาลงตู้ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยที่จะมองข้าม นักเลี้ยงปลาตู้ถือเป็นขั้นตอนสำค้ญที่สุดของการเลี้ยงปลาหากไม่รู้เทคนิคปลาอาจตายหรือไม่ยอมกินอาหารสาเหตุเนื่องจากความแตกต่างของสภาพน้ำในตู้กับสภาพน้ำในถุงปลาที่ซื้อมา
การให้อาหารปลาทอง
   ปลาทองกินอาหารได้ทั้งที่เป็นพืชและสัตว์ และทั้งที่เป็นอาหารธรรมชาติและอาหารสำเร็จรูป
อาหารประเภทพืช 
    ได้แก่ สาหร่าย แหนเป็ด และผักต่างๆ อาหารเหล่านี้เป็นตัวเสริมสร้างวิตามิน บางชนิดมีประโยชน์ทำให้สีของปลาเข้าขึ้น อย่างเช่นสาหร่ายสไปรูลิน่า  ซึ่งปัจจุบันผลิตออกมาในรูปอาหารสำเร็จรูป นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย อาหารพืชจากธรรมชาติได้แก่  แหนเป็ด หรือผัก
   อาหารประเภทสัตว์ 
   ได้แก่  ลูกน้ำ ไรแดง 
(Moina) ไรน้ำตาล (Artemia)  หนอนแดงและไส้เดือนน้ำ  สิ่งที่มีชีวิตเหล่านี้อุดมไปด้วยโปรตีน สารประของกรดอะมิโนที่ช่วยให้ปลามีอัตราการเจริญเติบโตที่รวดเร็ว มีความสมบูรณ์ทางเพศดี
   อีกปัญหาหนึ่งสำหรับอาหารปลาทองที่มีชีวิต คือ การเก็บรักษาอาหารให้สดอยู่ตลอดเวลา ซึ้งอาหารแต่ละชนิดก็มีวิธีเก็บรักษาที่แตกต่างกันไป คือ
    ลูกน้ำ  มีปัญหาที่ลูกน้ำกลายเป็นยุงมารบกวนสมาชิกในครอบครัวการเก็บรักษาลูกน้ำที่ถูกต้องคือ นำภาชนะที่ใช้เก็บลูกน้ำไปตั้งไว้นอกบ้านที่ไม่โดนแดด เติมน้ำลงไปให้ระดับน้ำเสมอขอบปากภาชนะ ใช้มุงลวดกันยุงปิดทับโดยใช้มุงลวดสัมผัสกับผิวน้ำโดยตลอดไม่เหลือที่ว่าง โดยธรรมชาติแล้วลูกน้ำก็กลายเป็นยุงจะอยู่ในน้ำต่อไปอีกไม่ได้
   ไรแดง  มีปัญหาเรื่องการตายเพราะขาดออกซิเจน ปกติไรแดงจะลอยตัวเป็นกลุ่มอยู่ที่ผิวน้ำ ตัวที่ตายแล้วสีจะซีดจนเป็นสีขาวและจมลงสู่ก้นภาชนะ ซึ่งเป็นต้นเหตุให้น้ำเน่าเสียมีกลิ่นเหม็นไรแดงที่ตายจนเน่าแล้วถ้าเอาไปให้ปลากินปลาจะท้องเสีย  เพราะฉะนั้นเวลาเอาไรแดงไปให้ปลากินควรช้อนที่ผิวน้ำเบา ๆ ป้องกันไม่ให้ไรแดงตาย
   ไรน้ำตาล   บางทีเรียกไรทะเลเป็นสัตว์น้ำเค็ม
การให้อาหาร การกินอาหารมากเกินไป ก็เป็นสาเหตุหนึ่งของการทำให้ปลาเสียการทรงตัว ดังนั้นการให้อาหารทีละน้อยๆ จึงเป็นเรื่องที่ดี ถ้าให้อาหารมากเกินไป ปลากินไม่หมดหรือกินไม่ทั่ว เศษอาหารที่จมลงพื้นตู้ หรือก้นบ่อ จะเริ่มทำให้น้ำสกปรก และอาการเจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆ ก็จะเริ่มตามมา โดยจะเห็นได้ชัดในช่วงหน้าหนาว

คุณภาพของน้ำ

          น้ำเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด น้ำประปาที่ใช้เลี้ยงต้องระวังคลอรีน ควรเตรียมน้ำก่อนนำมาใช้เลี้ยงปลาทุกครั้ง โดยเปิดน้ำใส่ถังเปิดฝาวางตากแดดทิ้งไว้เพื่อให้คลอรีนระเหย หรืออาจติดตั้งเครื่องกรองน้ำใช้สารเคมีโซเดียมไธโอซัลเฟตละลายลงในน้ำ มีคุณสมบัติในการกำจัดคลอรีน แต่ควรดูสัดส่วนในการใช้ เพราะสารเคมีพวกนี้มีผลข้างเคียงต่อปลาหากใช้ไม่ถูกวิธี  
  1. ระวังเรื่องคุณภาพน้ำที่แย่ลง และควรจะเปลี่ยนน้ำใหม่เมื่อเจอสภาพน้ำดังนี้
    • น้ำที่ขาวขุ่น
    • เกิดเป็นฟองขาวขึ้น ไม่ยอมแตกหายไป
    • ปลาทั้งหมดพร้อมใจลอยเชิดจมูกอยู่ตามผิวน้ำ
    • น้ำเปลี่ยนเป็นสีขาวขุ่นอย่างกะทันหัน อาจเพราะแบคทีเรีย หรือแอมโมเนียในน้ำสูงเกินไป
ลองทำตามคำแนะนำดูนะคะ ถ้าอ่านแล้วงง ง่ายสุดๆ คือการทำความสะอาดตู้ปลาบ่อยๆ
อากาศหรือออกซิเจนในน้ำ 

          ปลาทองส่วนใหญ่เคยชินกับสภาพน้ำที่ต้องมีออกซินเจน ดังนั้น อย่างน้อยในภาชนะเลี้ยงต้องมีการหมุนเวียนเบา ๆ ไม่ว่าจะผ่านระบบกรองน้ำ น้ำพุ น้ำตก หรือปั๊มน้ำ เพราะการหมุนเวียนของน้ำ เป็นการทำให้เกิดการเติมออกซิเจน และปลาทองขนาดใหญ่ย่อมต้องการออกซิเจนมากกว่าปลาเล็ก ส่วนเรื่องอุณหภูมิของน้ำที่เหมาะสมคือ 28-35 องศาเซลเซียส แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการรักษาอุณหภูมิของน้ำไม่ให้เปลี่ยนแปลงขึ้น-ลงอย่างรวดเร็ว หากซื้อปลาบรรจุถุงมา เวลาจะปล่อยปลาลงในอ่างเลี้ยง ควรแช่ถุงลงในอ่างเลี้ยง 10-15 นาที เพื่อให้อุณหภูมิของน้ำในถุงกับในอ่างถ่ายเทเข้าหากันจนใกล้เคียงกัน แล้วค่อยปล่อยปลาลงไป

          การเลี้ยงปลาทอง ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแค่ใส่ใจกับภาชนะเลี้ยง สภาพน้ำ การให้อาหาร และหมั่นสังเกตเจ้าปลาตัวโปรดของคุณอย่างสม่ำเสมอ ก็จะได้ปลาทองสวย ๆ ไว้เชยชมไปนาน ๆ 


 





ปลาทอง


ปลาทอง


ปลาทอง บางครั้งนิยมเรียกว่า ปลาเงินปลาทอง (อังกฤษGoldfish) เป็นปลาน้ำจืด อยู่ในวงศ์ปลาตะเพียน (Cyprinidae) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่าCarassius auratus เป็นปลาที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศจีนและญี่ปุ่น โดยดั้งเดิมถือเป็นปลาที่ถูกนำมาบริโภคกันเป็นอาหาร ต่อมาได้ถูกพัฒนาสายพันธุ์มาไม่ต่ำกว่า 2,000 ปี จนกลายเป็นปลาสวยงามหลากหลายสายพันธุ์ในปัจจุบัน
โดยปลาทองเชื่อว่า เป็นปลาสวยงามชนิดแรกที่มนุษย์เลี้ยง จากหลักฐานที่ปรากฏไม่ต่ำกว่า 2,000 ปีมาแล้ว เป็นรูปสลักปลาทองหลากหลายสีว่ายรวมกันอยู่ในบ่อที่ประเทศจีน ถือเป็นประเทศแรกที่เลี้ยงปลาทอง แต่ประเทศญี่ปุ่นเป็นผู้พัฒนาสายพันธุ์ปลาทองให้มีความสวยงามและหลากหลายมาจนปัจจุบัน โดยเมืองแรกที่ทำการเลี้ยง คือ ซะไก ในจังหวัดโอซะกะ ในราวปี ค.ศ. 1502-ค.ศ. 1503 แต่กลายมาเป็นที่นิยมเมื่อเวลาต่อมาอีกราว 100 ปี ถึงขนาดมีร้านขายปลาทองเปิดกันเป็นจำนวนมาก
ปลาทองมีรูปร่างอ้วน ป้อม มีเกล็ดแบบบางเรียบ ครีบอกกลมแบน ครีบหางเป็นรูปพัด เป็นปลากินพืช และแมลงน้ำขนาดเล็กเป็นอาหาร เป็นปลาที่ตะกละสามารถกินอาหารได้ตลอดทั้งวัน ตัวผู้เมื่อถึงฤดูผสมพันธุ์จะมีตุ่มสิวขึ้นตามครีบอกและใบหน้า ปลาตัวท้องช่องท้องจะอูมเป่งออก วางไข่ตามพืชน้ำ ไข่ใช้เวลาฟักตัวประมาณ 2 วัน
ปลาทองมีสีหลากหลายตั้งแต่สีแดงสีทองสีส้มสีเทาสีดำและสีขาว แม้กระทั่งสารพัดสีในตัวเดียวกัน ในธรรมชาติชอบอาศัยตามหนองน้ำและลำคลองที่ติดกับแม่น้ำ อาจมีอายุได้ถึง 20-30 ปี ถ้าอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี ต่อมาถูกนำไปเลี้ยงในยุโรปเมื่อศตวรรษที่ 17[1] และถูกนำไปเผยแพร่ในอเมริกา ในศตวรรษที่ 19 สำหรับในประเทศไทย เชื่อว่าปลาทองเข้าในสมัยอยุธยาตอนกลางเพื่อเป็นของบรรณาการในราชสำนักราว ๆ ค.ศ. 1370-ค.ศ. 1489
ในปัจจุบันมักเลี้ยงเป็นปลาสวยงาม และปลาทองที่เลี้ยงไว้ดูเล่นจะมีช่วงชีวิต ประมาณ 7-8 ปี พบจำนวนน้อยมากที่มีอายุถึง 20 ปี ปัจจุบันประเทศจีน,ฮ่องกงสิงคโปร์ และญี่ปุ่น เป็นศูนย์กลางการส่งออกปลาทองที่ใหญ่ที่สุด
สำหรับในประเทศไทย การเลี้ยงปลาทองในฐานะปลาสวยงามในยุคปัจจุบัน เริ่มขึ้นหลังปี ค.ศ. 1960 ซึ่งความนิยมจะเริ่มขึ้นจากพื้นที่กรุงเทพมหานครก่อนจะขยายไปตามจังหวัดต่าง ๆ จนปัจจุนมีฟาร์มปลาทองมากมาย มีปลาหลากหลายสายพันธุ์ ทั้งเกรดสูงที่มีราคาแพง และเกรดธรรมดาทั่วไป

ทางประวัติศาสตร์เชื่อได้ว่าการเพาะพันธุ์ปลาทองมีมานานกว่าหนึ่งพันปีแล้ว หลักฐานที่แสดงให้เห็นถึง คือ รูปวาดปลาทองซึ่งมีเกล็ดสีแดงที่ลำตัวจำนวนมากกำลังว่ายน้ำอยู่ในบ่อ อายุรูปภาพกว่า 2,000 ปีมาแล้ว ปลาทองเป็นปลาที่อยู่ในวงศ์ ไซไพร์นิดี้ (Family Cyprinidae) จัดเป็นปลาวงศ์ที่ใหญ่ที่สุด โดยมีปลาอยู่เกือบ 2,000 ชนิด ซึ่งปลาในวงศ์นี้มีปลาที่เราพอรู้จักคือ ปลาทอง ปลาไน และปลาตะเพียน จากการศึกษาพบว่า ปลาเงินปลาทองเป็นปลาซึ่งเกิดจากการผ่าเหล่ามาจากปลาไน (Crucian carp) ปลาเงินปลาทองมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Carassius auratus linn. ประเทศแรกที่เพาะพันธุ์ปลาทองได้สำเร็จคือ ประเทศจีน แต่ประเทศที่พัฒนาพันธุ์ปลาทองให้มีสีและลวดลายสวยงามคือประเทศญี่ปุ่น และเพียงเวลาไม่นานนัก ญี่ปุ่นก็ครองความเป็นจ้าวในการส่งออกปลาทองไปขายต่างประเทศ ผลที่ตามมาก็คือ ทำให้พันธุ์ปลาทองเป็นที่แพร่หลายและเป็นที่นิยมในหมู่นักเลี้ยงปลาในที่สุด

ปลา ทองพันธุ์สามัญ (Common fish) เป็นปลาต้นสายพันธุ์ ลำตัวค่อนข้างยาวและแบนด้านข้าง หัวสั้นกว้างและไม่มีเกล็ด เป็นปลาที่อดทน กินอาหารง่ายและลูกดก สีสันคล้ายปลาไนมาก ในประเทศไทย สัณนิฐานได้ว่ามีผู้นำปลาเงินปลาทองเข้ามาเลี้ยงครั้งแรกในสมัยกรุง ศรีอยุธยาตอนกลาง โดยนำเข้ามาจากประเทศจีนเนื่องจากมีการค้าติดต่อกันในช่วงนั้น ทางประวัติศาสตร์เชื่อได้ว่าการเพาะพันธุ์ปลาทองมีมานานกว่าหนึ่งพันปีแล้ว หลักฐานที่แสดงให้เห็นถึง คือ รูปวาดปลาทองซึ่งมีเกล็ดสีแดงที่ลำตัวจำนวนมากกำลังว่ายน้ำอยู่ในบ่อ อายุรูปภาพกว่า 2,000 ปีมาแล้ว ปลาทองเป็นปลาที่อยู่ในวงศ์ ไซไพร์นิดี้ (Family Cyprinidae) จัดเป็นปลาวงศ์ที่ใหญ่ที่สุด โดยมีปลาอยู่เกือบ 2,000 ชนิด ซึ่งปลาในวงศ์นี้มีปลาที่เราพอรู้จักคือ ปลาทอง ปลาไน และปลาตะเพียน

จาก การศึกษาพบว่า ปลาเงินปลาทองเป็นปลาซึ่งเกิดจากการผ่าเหล่ามาจากปลาไน (Crucian carp) ปลาเงินปลาทองมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Carassius auratus linn. ประเทศแรกที่เพาะพันธุ์ปลาทองได้สำเร็จคือ ประเทศจีน แต่ประเทศที่พัฒนาพันธุ์ปลาทองให้มีสีและลวดลายสวยงามคือประเทศญี่ปุ่น และเพียงเวลาไม่นานนัก ญี่ปุ่นก็ครองความเป็นจ้าวในการส่งออกปลาทองไปขายต่างประเทศ ผลที่ตามมาก็คือ ทำให้พันธุ์ปลาทองเป็นที่แพร่หลายและเป็นที่นิยมในหมู่นักเลี้ยงปลาในที่สุด ปลาทองพันธุ์สามัญ (Common fish) เป็นปลาต้นสายพันธุ์ ลำตัวค่อนข้างยาวและแบนด้านข้าง หัวสั้นกว้างและไม่มีเกล็ด เป็นปลาที่อดทน กินอาหารง่ายและลูกดก สีสันคล้ายปลาไนมาก ในประเทศไทย สัณนิฐานได้ว่ามีผู้นำปลาเงินปลาทองเข้ามาเลี้ยงครั้งแรกในสมัยกรุง ศรีอยุธยาตอนกลาง โดยนำเข้ามาจากประเทศจีนเนื่องจากมีการค้าติดต่อกันในช่วงนั้น